Mechanic keyboard จากคีย์บอร์ดตลาด Niche สู่ตลาด Mass และ Gaming

Mechanic keyboard จากคีย์บอร์ดตลาด Niche สู่ตลาด Mass และ Gaming

Mechanic keyboard จากคีย์บอร์ดตลาด Niche สู่ตลาด Mass และ Gaming

 

เชื่อว่าผู้อ่านหลายคนคงเคยได้ยินคำว่า Mechanic keyboard มาไม่มากก็น้อย และเชื่อว่าหลาย ๆ คนก็คงสนใจและอยากได้เจ้าสิ่งนี้มาไว้ในครอบครอง แต่เจ้า Mechanic keyboard คืออะไร ทำไมมันถึงเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย วันนี้เราจะมาเล่าเรื่องราวของเจ้า Mechanic keyboard ว่าเสน่ห์ของมันคืออะไร และทำไมใครต่อใครถึงยอมที่จะล้มละลายเพื่อที่จะได้เป็นเจ้าของมัน

เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพ เราจะมาเริ่มต้นที่แบรนด์ดังและเป็นที่รู้จักแพร่หลาย นั่นก็คือ Keychorn เชื่อว่าพอได้อ่านมาถึงจุดนี้ หลายคนคงร้องอ๋อ หรือบางคนคงเป็นเจ้าของมันไปแล้ว โดยเจ้า Keychorn ก็เป็นหนึ่งใน Mechanic keyboard ซึ่งได้ออกผลิตภัณฑ์มายั่วตายั่วใจใครหลาย ๆ คน เรียกได้ว่าเหมากันมาครบทุก layout ของคีย์บอร์ด ไม่ว่าจะเป็น Full Sized (100%), Compact Full Sized (96%), Tenkeyless (80%), Compact Tenkeyless (75%), Compact (65%), และ Mini (60%) มาพร้อมกับการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะสำหรับใช้พกพา หรือตั้งไว้ยาวที่โต๊ะคอมพิวเตอร์ ในราคาที่ไม่ว่าใครก็เป็นเจ้าของได้ จากความสำเร็จในการตีตลาดนี้เอง ทำให้แบรนด์เกมมิ่งหลายแบรนด์หันมาสนใจและผลิตมาแข่ง ไม่ว่าจะเป็น Glorious, Razor หรือแม้แต่แบรนด์ gadget สายทำงานอย่าง Logitech

ซึ่งความแตกต่างระหว่างคีย์บอร์ดธรรมดากับ Mechanic keyboard คือตัวโครงสร้างที่ใต้ปุ่มจะมีกลไกสวิตช์สปริง ซึ่งมีความทนทานสูง มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และมีความแม่นยำในการตอบสนอง ให้ความรู้สึกในการกดที่สนุก สามารถเปลี่ยนหรือทำความสะอาดได้ง่าย นั่นทำให้ Mechanic keyboard เป็นที่นิยม ทั้งสำหรับชาวเกมเมอร์ นักเรียน นักศึกษา ไปจนถึงพนักงานออฟฟิศทั่วไป

โดยโครงสร้างหลักของคีย์บอร์ดชนิดนี้ประกอบไปด้วย Case, Keycabs, Switch, Plate, และ PCB ซึ่งหากจะเจาะรายละเอียดของแต่ละชิ้น คงต้องใช้เวลาอ่านมากกว่าหนึ่งวันอย่างแน่นอน โดยเสน่ห์ของมันคือการที่เราสามารถ customize หรือเลือกชิ้นส่วนแต่ละชิ้นมาประกอบกันได้อย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเลือก layout ที่ถนัด เสียงและชนิดของ switch ที่ชอบ ซึ่งก็มีหลากหลายชนิด หลากหลาย brand แบ่งใหญ่ ๆ เป็นแบบ tactile, linear, และ clicky ซึ่งแต่ละแบบ และแต่ละแบรนด์ ก็ให้น้ำเสียง แรงกด และความเร็วในการกดที่แตกต่างกัน หรือจะเป็น Keycabs ที่มีสีสันต่าง ๆ ให้เลือกมากมาย ไปจนถึงวัสดุของ Plate ซึ่งก็ให้ความรู้สึกในการพิมพ์ที่แตกต่างกัน เมื่อรวมสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เข้าด้วยกัน จะเกิดเป็น Mechanic keyboard ที่มีเอกลักษณ์ ไม่เหมือนใครเรียกได้ว่าชิ้นที่คุณประกอบ ก็จะเป็นชิ้นเดียวบนโลกที่หาใครเหมือนได้ยาก แม้บางคนใช้วัตถุดิบแบบเดียวกัน แต่ประกอบแตกต่างกัน ก็สามารถให้เสียงที่แตกต่างกันได้ หรือบาง switch ก็มีเอกลักษณ์ซะจนถ้าคนรู้จักมัน แค่ได้ยินเสียงก็สามารถรู้ได้ทันทีเลยว่ามันคือแบรนด์อะไร ชนิดอะไร นอกจากนั้นยังมีการ Mod หรือปรับแต่งเพิ่มเติมได้อีก ไม่ว่าจะเป็นการลูปน้ำยาเพื่อกำจัดเสียงการกระทบกันของ switch การติดฟิล์มเพื่อให้ switch มีเสียงที่แน่นขึ้น การแปะแผ่นโฟมที่ใต้ Case เพื่อกำจัดเสียงสะท้อนภายในตัวคีย์บอร์ด สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เองคือเสน่ห์ที่หาที่ไหนไม่ได้ของ Mechanic keyboard ซึ่งทำให้ใครหลายคนยอมเสียเงินตั้งแต่หลักพันจนถึงหลักหมื่น เพื่อให้ได้ครอบครองมัน และไม่เพียงแค่เงินที่ต้องเสียไป ในการประกอบคีย์บอร์ดแต่ละครั้งต้องใช้เวลา ความอดทน และความละเอียดอย่างมาก กว่าที่จะประกอบได้สำเร็จแต่ละชิ้น

ด้วยความที่คีย์บอร์ดเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวเรามาก ๆ ไม่ว่าคุณจะเป็นเกมเมอร์ นักเรียน นักศึกษา หรือพนักงานออฟฟิศ ทุกคนต่างต้องใช้คีย์บอร์ดในการทำงาน เรียน เล่นเกม หรือแม้แต่การพิมพ์ข้อความหาเพื่อน ครอบครัว หรือคนรัก ผนวกกับข้อมูลที่สามารถเข้าถึงได้มากขึ้น ราคาที่หลากหลาย ตั้งแต่ตัว top ไปจนถึงตัวเริ่มต้นที่มีราคาย่อมเยาว์ Mechanic keyboard จึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่จะช่วยให้คุณทำงานหรือเล่นเกมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลื่นไหล และสนุกกับมันมากขึ้น เชื่อว่าหากผู้อ่านยังอ่านมาถึงจุดนี้ คงมีหลายคนที่เริ่มจะสนใจและอยากจะทำความรู้จักกับเจ้า Mechanic keyboard นี้มากขึ้น หากผู้อ่านยังพอมีเวลา ผู้เขียนแนะนำให้ลองไปศึกษาเพิ่มเติมผ่าน Google หรือ Marketplace ต่าง ๆ เพื่อทำความเข้าใจ เช็คราคา และลองฟังเสียงมันจาก YouTube แม้วงการนี้จะดูเข้ายาก แต่จากใจของผู้ที่ก็อยู่ในวงการมาได้ระยะหนึ่ง หากคุณได้ก้าวเข้ามาแล้ว คุณจะลืมมันไม่ลงอย่างแน่นอน แนะนำว่าหากผู้อ่านเริ่มสนใจ ให้กำกระเป๋าตังค์ไว้ให้ดี ๆ ถ้าคุณเผลอหลงรักมันเข้า มีโอกาสสูงมากที่คุณจะได้ต้มมาม่ากินไปทั้งเดือน :)

กลับไปยังบล็อก